เดิมตำบลบึงน้ำรักษ์เป็นที่ราบลุ่ม อุดมสมบูรณ์ เหมาะสำหรับเพาะปลูกข้าว มีลำคลองที่ไหลมาบรรจบกันหลายสาย รวมทั้งมีบึงหลายแห่ง ส่วนที่มาของคำว่าบึงน้ำรักษ์นั้น มีบึงอยู่แห่งหนึ่งอยู่ที่หมู่ 8 ในฤดูน้ำหลากน้ำจะนิ่งขังอยู่เป็นเวลานาน น้ำจะมีสีคล้ำแต่ไม่เน่า สีคล้ายสีลัก ชาวบ้านเรียกว่า บึงน้ำลัก ต่อมาจึงเพี้ยนเป็น “บึงน้ำรักษ์” จนถึงปัจจุบัน
นายไพบูลย์ แก้วสว่าง ประธานสภาองค์กรชุมชนตำบลบึงน้ำรักษ์ เล่าว่า สภาองค์กรชุมชนตำบึงน้ำรักษ์เริ่มก่อตั้งเมื่อปี 2559 โดยเริ่มจากการรวมตัวกันและได้คัดเลือกคณะกรรมการ หลังจากที่ได้จัดตั้งสภาแล้วในช่วงการทำงานแรกๆก็ประสบปัญหามากมาย ในเรื่องโครงการบ้านพอเพียงชนบทนั้น ทางคณะทำงานสภาฯได้รับเรื่องจากทางคณะทำงานจังหวัดแบบกะทันหันไม่รู้ว่าจะหาข้อมูลมาจากไหน จึงใช้วิธีการขอข้อมูลผู้เดือดร้อนเรื่องที่อยู่อาศัยกับผู้ใหญ่บ้าน ในกระบวนการดำเนินงานโครงการ ในระยะแรกชาวบ้านยังไม่ให้ความไว้วางใจเพราะเคยได้รับการช่วยเหลือแบบให้เปล่าจากหน่วยงานอื่นโดยไม่ต้องส่งเงินคืน แต่พอมีโครงบ้านพอเพียงชนบทเข้ามาก็เริ่มให้ชาวบ้านส่งเงินคืน ทุกคนต่างเข้าใจว่าแกนนำจะได้ผลประโยชน์ ทางคณะทำงานจึงได้มีการนัดประชุมชี้แจงทำความเข้าใจเรื่องระบบการได้มาของงบประมาณและระบบการบริหารจัดการแบบกองทุน โดยได้สร้างข้อตกลงกันจากเดิมที่ให้เป็นตัวเงิน ภายหลังได้เปลี่ยนวัสดุอุปกรณ์และให้ชาวบ้านเป็นผู้สั่งซื้อเอง ต่อมาชาวบ้านเริ่มให้ความไว้วางใจ และเห็นว่าโครงการนี้ได้ดำเนินการจริงและมีความโปร่งใส ก็เริ่มเกิดความภาคภูมิใจและมีกำลังใจที่ได้ช่วยให้ชาวบ้านได้มีบ้านดีๆ ส่วนในการส่งคืนเงินนั้นจะเก็บเงิน 300 บาทต่อเดือน ในกรณีที่มีการพิจารณาความเดือดร้อนร่วมกันสำหรับบ้านผู้ยากไร้ที่ไม่สามารถส่งเงินคืนได้นั้น ทางคณะทำงานจะให้เปล่าแต่ต้องมีการรับรองร่วมกันเป็นรายบุคคล ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็ยังไม่มีปัญหาในเรื่องนี้ โดยรวมแล้วการที่มีโครงการนี้เข้ามาในตำบลทำให้คณะทำงานได้มีบทบาทในการช่วยเหลือคนในชุมชนตนเอง ถึงแม้บางครั้งชาวบ้านจะไม่พอใจ จนรู้สึกท้อใจ แต่หากเราทำด้วยใจแล้วก็ไม่คิดจะล้มเลิกที่จะช่วยคนอื่น “
นายชัยวัฒน์ สุวรรณทีป อายุ 59 ปี เล่าว่า ตนอาศัยอยู่กันทั้งหมด 3 คน ครอบครัวทำอาชีพรับจ้างทั่วไป รายได้พอมีพอกิน ส่วนบ้านก็อยู่มานานเริ่มมีผุพัง ซึ่งปัญหาเดิมที่ประสบคือหลังคารั่ว เมื่อผู้นำเข้ามาสำรวจข้อมูลข้อมูล ตนจึงได้แจ้งความประสงค์ไป หลังจากนั้นก็ได้รับการช่วยเหลือโดยการนำเงินที่ได้มา จำนวน 18,000 บาท ไปซื้อโครงเหล็กและหลังคา และรีบดำเนินการซ่อมจนเสร็จ แต่ก็พปัญหาในเรื่องวัสดุที่ไม่เพียงพอ จึงใช้เงินในครอบครัวมาเพิ่มเติม
นางลำดวน อยู่สุข หนึ่งในผู้รับผลประโยชน์ในครั้งนี้ เล่าว่า ตนอาศัยอยู่ในบ้านคนเดียว ซึ่งบ้านที่อยู่ก็เริ่มผุพังและคับแคบแต่ตนยังไม่มีกำลังที่ซ่อมแซมบ้าน ต่อมาเริ่มมีแกนนำเข้ามาสำรวจบ้านและตนก็ได้แจ้งความประสงค์ที่จะสร้างบ้านหลังใหม่ จากนั้นตนก็ได้รับความช่วยเหลือ โดยเป็นเงิน 18,000บาท ก็ได้นำไปซื้อ อิฐ หิน ทราย และเหล็ก ส่วนปูนและกระดานได้ใช้เงินตัวเองไปซื้อมาเพิ่มเติม และขณะนี้เริ่มสร้างใกล้จะเสร็จแล้ว “ตนรู้สึกดีใจที่จะได้อยู่บ้านหลังใหม่ และขอขอบคุณสภาองค์กรชุมชนอย่างมากที่เข้ามาช่วยเหลือ”
จะเห็นได้ว่าสภาองค์กรชุมชนตำบลบึงน้ำรักษ์ สามารถช่วยเหลือคนในตำบลให้ได้มีชีวิตที่ดีขึ้น ด้วยความร่วมมือกันจากทุกภาคส่วน โดยมุ่งหวังสร้างความมั่นคงในที่อยู่อาศัยให้กับคนในตำบลได้อย่างเต็มใจ จากผลสำเร็จที่เกิดขึ้นนั้นทำให้เป็นที่ยอมรับของคนในตำบลและยังทำให้คุณภาพชีวิตของชาวบ้านดีขึ้นอีกด้วย
นายทศพร หลักแหลม