ชุมชนหลัง ว.ค.จันทรเกษม / ‘ไมตรี อินทุสุต’ ประธานสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ ร่วมกับสำนักงานเขตจตุจักรจัดงานมอบทะเบียนบ้านให้ชาวชุมชนหลัง ว.ค.จันทรเกษม 40 ครัวเรือน และสืบสานประเพณีไทยรดน้ำดำหัวขอพรผู้สูงอายุเนื่องในโอกาสวันสงกรานต์
วันที่ 20 เมษายน 2562 เวลา 13.30 น. นายไมตรี อินทุสุต ประธานกรรมการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) และนายธนัช นฤพรพงศ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฯ ร่วมกับสำนักงานเขตจตุจักร และหน่วยงานภาคีที่เกี่ยวข้อง ได้จัดงานมอบทะเบียนบ้านให้กับชาวชุมชนหลัง วค.จันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นชุมชนที่ตั้งอยู่ริมคลองลาดพร้าว จำนวน 40 ครัวเรือน พร้อมทั้งร่วมรดน้ำดำหัวผู้สูงอายุ เนื่องในโอกาสเทศกาลสงกรานต์ โดยมีสมาชิกเครือข่ายพัฒนาชุมชนและสิ่งแวดล้อมคูคลอง และชาวชุมชนหลัง ว.ค.จันทรเกษมร่วมงานกว่า 200 คน
นายไมตรี อินทุสุต กล่าวว่า จากนโยบายสำคัญของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาคลองลาดพร้าวที่มีผู้อยู่อาศัยรุกล้ำแนวลำคลองและทางระบายน้ำ เพื่อเป็นการคืนคลองให้กับสาธารณะ และส่งเสริมให้ชุมชนมีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ ได้บูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานภาคีต่างๆ และหลังจากที่หน่วยงานต่างๆ ได้ลงพื้นที่สร้างความเข้าใจกับชาวชุมชนริมคลองลาดพร้าวและดำเนินโครงการมาร่วม 3 ปี ได้สร้างบ้านหลังใหม่ที่ถูกต้องตามกฏหมาย มีสภาพแวดล้อมที่ดี เป็นการส่งความสุขให้กับชาวบ้านโดยแท้จริง ตามนโยบาย “คืนสายน้ำให้คนคลอง คืนสายคลองให้คนเมือง เพื่อความสุขอย่างยั่งยืน”
นายไมตรีกล่าวด้วยว่า เมื่อครั้งที่ตนเป็นปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้มาร่วมงานเปิดพื้นที่เพื่อสร้างบ้านใหม่ให้กับสมาชิกชุมชนหลัง วค.จันทรเกษม เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2559 มาถึงวันนี้ตนรู้สึกดีใจ และยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เห็นชาวชุมชนมีบ้านใหม่ที่สวยงาม มีกระบวนการมีส่วนร่วม และมีที่อยู่อาศัยที่ถูกต้องตามกฏหมาย
ทั้งนี้ในเขตจตุจักรมีชุมชนที่สร้างบ้านเรือนอยู่ริมคลองลาดพร้าวรวม 11 ชุมชน จำนวน 1,135 ครัวเรือน ก่อสร้างบ้านแล้วเสร็จจำนวน 286 ครัวเรือน โดยชุมชนหลัง วค.จันทรเกษม เป็น 1 ใน 11 ชุมชนในเขตจตุจักรที่บุกรุกพื้นที่ริมคลองลาดพร้าวมานานกว่า 40ปี สภาพเป็นชุมชนแออัด ระบบสาธารณูปโภคไม่ทั่วถึง หลังจากรัฐบาลมีนโยบายและมาตรการจัดระเบียบการแก้ไขปัญหาชุมชนแออัดในชุมชนริมคลองลาดพร้าว ทำให้สมาชิกชุมชนหลัง วค.จันทรเกษม เล็งเห็นถึงประโยชน์และความสำคัญของโครงการ จึงเข้าร่วมโครงการตามนโยบายรัฐบาล รวม 126 ครัวเรือน
โดยแบ่งการพัฒนาโครงการออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มที่ 1 ดำเนินการภายใต้ ‘สหกรณ์เคหสถานบ้านมั่นคงชุมชนพหลโยธิน 32 จำกัด’ จำนวน 40 ครัวเรือน กลุ่มที่ 2 ดำเนินการภายใต้ ‘สหกรณ์เคหสถานเพื่อที่อยู่อาศัย จำกัด’ จำนวน 83 ครัวเรือน และ 3 ครัวเรือน ดำเนินการร่วมกับ ‘สหกรณ์เคหสถานเพื่อที่อยู่อาศัยเครือข่ายสิทธิชุมชนริมคลอง จำกัด’ สร้างบ้านใหม่ในที่ดินบึงนายพล เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ
การจัดกิจกรรมมอบทะเบียนบ้านให้กับสมาชิกชุมชนหลัง วค.จันทรเกษม (กลุ่มที่ 1) ซึ่งพัฒนาที่อยู่อาศัยภายใต้สหกรณ์เคหสถานบ้านมั่นคงชุมชนพลโยธิน 32 จำกัด จำนวน 40 ครัวเรือน โดยชุมชนทำสัญญาเช่าที่ดินราชพัสดุจากกรมธนารักษ์ ระยะเวลาช่วงแรก 30 ปี เนื้อที่ 4 ไร่ 2 งาน ค่าเช่าตารางวาละ 1.75 บาทต่อเดือน บ้านที่ก่อสร้างมี 2 แบบ คือ บ้านแถว 2 ชั้น ขนาด 4 x 7 เมตร และบ้านแถว 2 ชั้น ขนาด 3.5 x 7 เมตร ค่าก่อสร้างบ้านราคา 377,000 – 409,105 บาท ผ่อนชำระเดือนละ 2,389 – 2,647 บาท ระยะเวลาผ่อน 15 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4% ต่อปี โดยชุมชนได้รับเงินสนับสนุนจากสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ เพื่อก่อสร้างบ้านและสาธารณูปโภครวม 6 ล้านบาทเศษ และใช้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยรวมเป็นเงิน 13 ล้านบาท
นายโสภณ แซ่ลี้ ประธานสหกรณ์เคหสถานบ้านมั่นคงชุมชนพหลโยธิน 32 จำกัด กล่าวว่า ตนและชาวชุมชนหลัง วค.จันทรเกษมอยู่อาศัยกันมานานกว่า 40 ปี ทราบดีว่าสร้างบ้านบุกรุกอยู่ในที่ดินราชพัสดุ แต่เมื่อทางรัฐบาลมีโครงการสร้างเขื่อนระบายน้ำเพื่อป้องกันน้ำท่วม และชาวชุมชนจะต้องรื้อบ้านออกจากแนวเขื่อนฯ ชุมชนได้ให้ความร่วมมือกับรัฐบาล และได้เข้าร่วมโครงการบ้านมั่นคงหรือบ้านประชารัฐริมคลองกับทาง พอช. จึงทำให้มีบ้านใหม่ที่สวยงามและมั่นคงในวันนี้
“ชาวชุมชนให้ความร่วมมือในการรื้อบ้านออกจากคลองเพื่อให้ทางราชการได้สร้างเขื่อนฯ เพราะมองว่าไม่ใช่เพียงเพื่อตนเองเท่านั้น แต่มองถึงลูกหลานที่จะมีบ้านที่มั่นคงในอนาคต วันนี้จึงถือเป็นวันดี เพราะนอกจากจะได้รับทะเบียนบ้านแล้ว ยังเป็นการมอบบ้านใหม่ริมคลองให้กับลูกหลานต่อไปด้วย จึงอยากเห็นผู้ที่ยังไม่เข้าร่วมโครงการ ได้ให้ความร่วมมือแก่ทางราชการ เพื่อประโยชน์สุขของชุมชนในอนาคต” นายโสภณกล่าว
ทั้งนี้การพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลองลาดพร้าว มีเป้าหมายทั้งหมด 50 ชุมชน จำนวน 7,069 ครัวเรือน ปัจจุบันการก่อสร้างบ้านมีความคืบหน้าประมาณ 45 % สร้างบ้านแล้วเสร็จจำนวน 32 ชุมชน รวม 2,068 ครัวเรือน อีก 1,025 ครัวเรือนอยู่ระหว่างการก่อสร้าง และอีก 1,926 หลังอยู่ในกระบวนการบ้านมั่นคงของ พอช. 9 ขั้นตอน
รายงานโดยจิราวรรณ หนำคอก