ตำบลตะปงเป็น 1 ใน 5 ตำบลของอำเภอสอยดาว มี 10 หมู่บ้าน เป็นที่ตั้งของที่ว่าการอำเภอสอยดาว และส่วนราชการต่างๆ ตลอดจนเป็นจุดค้าขายและการคมนาคมที่สำคัญของอำเภอ
ประชากรส่วนใหญ่อพยพมาจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จันทบุรี ภาคกลาง และจังหวัดใกล้เคียง ส่วนสภาพพื้นที่เป็นที่ราบสลับกับเนินเขา อากาศร้อนชื้น ในช่วงฤดูหนาวจะหนาวกว่าพื้นที่อื่นในจังหวัดจันทบุรี ประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ค้าขาย และรับจ้างทั่วไป
ตำบลปะตงเข้าร่วมโครงการบ้านพอเพียงชนบทในปี พ.ศ. 2561 จำนวน 36 หลัง และในปี 2562 จำนวน 20 หลัง โดยได้รับงบประมาณสนับสนุนการสร้าง ต่อเติมบ้าน ไม่เกิน 18,000 บาทต่อหลัง โดยสำรวจหรือคัดเลือกผู้เดือดร้อนจากข้อมูลที่ได้จากความร่วมมือของผู้ใหญ่บ้านแต่ละหมู่บ้านที่ผ่านการสำรวจข้อมูลมาแล้วว่า บ้านไหนที่มีความเดือดร้อน สมควรได้รับการซ่อมสร้างก่อน
เมื่อได้รับโครงการบ้านพอเพียงเข้ามาในชุมชน คณะทำงานซึ่งขับเคลื่อนงานโดยใช้สภาองค์กรชุมชนตำบลปะตงเป็นเวทีขับเคลื่อนได้ร่วมกันบริหารจัดการ โดยจัดประชุมสภาองค์กรชุมชนฯ ทุกเดือน นำเรื่องหรือปัญหาที่พบในชุมชนมาเสนอในที่ประชุม เพื่อร่วมกันพิจารณาและหาทางออก
ทั้งนี้ในส่วนของชาวบ้านที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจะต้องส่งเงินออมทรัพย์เข้ากลุ่มคนละ…..บาทต่อเดือน เพื่อให้มีเงินกองทุนหมุนเวียนในการดำเนินโครงการต่อไป
นางสาวกัญจนา พันธุ์แก่น บ้านเลขที่ 115 หมู่ 11 บ้านเขาพูลทองสามัคคี ต.ปะตง อ.สอยดาว จ.จันทบุรี ปรับปรุงครัว
และหลังคาบ้านนายสมาน แก้วรอดบ้านเลขที่ 115/5 หมู่ 11 บ้านเขาพูลทองสามัคคี ต.ปะตง อ.สอยดาว
จ.จันทบุรี ปรับปรุงห้องครัว
การดำเนินโครงการบ้านพอเพียงชนบทในตำบลปะตง ชาวบ้านที่ได้รับการช่วยเหลืองบประมาณ จะช่วยเหลือกันโดยการลงแรงสร้างบ้าน และคนในชุมชนก็จะมาร่วมด้วย โดยมีจิตอาสา ไม่ได้มีรายได้หรือค่าตอบแทนเป็นตัวเงิน แต่สิ่งที่พวกเขาได้รับคือความสุข ความปลาบปลื้มใจที่ได้ช่วยเหลือกัน


ตัวอย่างบ้านของผู้เดือดร้อนที่ได้ทำการซ่อมสร้าง

ตัวอย่างบ้านของผู้เดือดร้อนที่ยังไม่ได้รับงบในการซ่อมสร้าง
จากภาพตัวอย่างข้างต้น จะเห็นได้ว่าตำบลปะตงมีปัญหาความยากจน ปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย สภาพบ้านเรือนทรุดโทรม ฯลฯ ชาวบ้านที่ได้รับการช่วยเหลือต่างก็พูดกันเป็นเสียงเดียวว่า “ดีใจ และปลื้มใจที่ได้บ้านหลังใหม่”
โครงการบ้านพอเพียงถือว่าเป็นเครื่องมือสำคัญในการเสริมสร้างศักยภาพการพัฒนา และแก้ไขปัญหาต่างๆในชุมชน อีกทั้งยังเป็นการรวมชุมชนเข้าด้วยกัน ทำให้เห็นว่าพลังของความร่วมมือ ความรัก ความสามัคคี การช่วยเหลือเกื้อกูลกันสามารถหนุนให้เกิดการพัฒนาต่อไปได้







