ภูเก็ต/วันนี้ (6 พ.ย.63) นายสมชาติ ภาระสุวรรณ ผอ.สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน(องค์การมหาชน) หรือ พอช. กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ร่วมลงนามบันทึกความร่วมมือเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตและเสริมความเข้มแข็งชุมชนต้นแบบนำร่อง ในพื้นที่กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กับ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดย นายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนโดยนายสมชาติ ภาระสุวรรณ ผอ.สถาบัน มูลนิธิชุมชนไทย โดย นายไมตรี จงไกรจักร ผู้จัดการมูลนิธิ ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม(ขปส.) โดย นายจำนงค์ หนูพันธ์ ประธานขบวน ชุมชนสระต้นโพธิ์ จ.ภูเก็ต (40 ครัวเรือน)โดย นายสมจินต์ ชูช่วย ผู้แทนชุมชน ชุมชนชาวเลเกาะเหลา จ.ระนอง(43 ครัวเรือน)โดย นางเนาวนิตตย์ แจ่มพิศ ผู้แทนชุมชน และชุมชนชาวเลโต๊ะบาหลิว จ.กระบี่(38 ครัวเรือน)โดย นายเดี่ยว ทะเลลึก ผู้แทนชุมชน โดยได้รับเกียรติจาก นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นธานสีกขีพยานในพิธี ณ ห้องประชุมเทศบาลนครภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต
โดยมีสาระสำคัญดังนี้
1)เพื่อประสานความร่วมมือของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาและเสริมความเข้มแข็งชุมชนต้นแบบนำร่อง
2)เพื่อปรับปรุงระบบสาธารณูปโภคของชุมชนเป้าหมายของ คทช.(คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ)ในความรับผิดชอบของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งตามแนวทางของ คทช.และโครงการบ้านมั่นคง ของ พอช.
3)เพื่อให้เกิดกระบวนการมีส่วนร่วมในการร่วมคิด ร่วมท ำร่วมวางแผนและดำเนินการแก้ปัญหาที่อยู่อาศัยที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
4) เพื่อให้หน่วยงาน ภาคเอกชน และชุมชนร่วมมือกับภาครัฐในการดูแลรักษา คุ้มครอง ป้องกัน อนุรักษ์และพื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งให้เกิดความสมบูรณ์และยังยืน
จากบันทึกความร่วมมือฉบับนี้มีขอบเขตการดำเนินงานของหน่วยงานต่างๆดังนี้
1)กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งจะดำเนินการจัดหาที่ดินและอนุญาตให้ใช้ที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัย ตามแนวทางการจัดการที่ดินภายใต้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ
2)พอช.ร่วมสนับสนุนประมานในการพัฒนาชุมชน การซ่อมแซมบ้านเรือน การพัฒนาระบบสาธารณูปโภค
3)มูลนิธิชุมชนไทยจะพัฒนาศักยภาพเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนรวมถึงเป็นที่ปรึกษาในการเสนอโครงการต่างๆ
4) ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรมเป็นหน่วยประสานความร่วมมือเพื่อให้เกิดการบูรณาการด้านนโยบายที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชุมชน
5)ชุมชนทั้งสามชุมชนจะเป็นชุมชนที่ดำเนินการจัดที่ดินเพื่อที่อาศัยภายใต้โครงการของของ คทช.เพื่อแก้ไขปัญหาชุมชนมีให้มีการบุกรุกทำลายทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งและการขยายพื้นที่เพิ่มเติมอีก รวมทั้งเป็นพื้นที่นำร่องในการทำงาน
บันทึกความร่วมมือฉบับนี้มีผลบังคับใช้เป็นเวลา 3 ปี นับตั้งแต่วันลงนามในบันทึกความร่วมมือฉบับนี้ จะส่งผลทำให้เกิดการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนในที่อยู่อาศัยของพี่น้องประชาชน ที่อาศัยริมป่าชายเลน ตามแนวทาง คทช. ประสบความสำเร็จเกื้อกูลสิ่งแวดล้อมและเกิดความยั่งยืน เกิดความร่วมมือในการพัฒนาและสร้างความเข้มแข็งชุมชนในทุกๆด้านรวมทั้งการเสนอโครงการปรับปรุงระบบสาธารณูปโภคต่างๆตามแนวทางโครงการบ้านมั่นคงจะสามารถดำเนินการได้ถูกต้อง และที่สำคัญจะเป็นพื้นที่นำร่องที่สร้างองค์ความรู้ สร้างความมั่นใจในการทำงานร่วมกัน การแก้ไขกติกาที่เป็นอุปสรรคที่จะส่งผลต่อการขยายผลในการแก้ปัญหาให้กับพี่น้องชุมชนที่อาศัยอยู่ในป่าชายเลนทั่วประเทศไม่น้อยกว่า 30,000 ครัวเรือน ตามนโยบายของรัฐบาลต่อไป