บ้านป้อมเป็นตำบลอยู่ติดเมืองพระนครศรีอยุธยา มีสภาพเป็นสังคมเมืองกึ่งชนบท ประชากรนับถือศาสนาพุทธและอิสลาม หมู่บ้านมีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ปัจจุบันสังคมเมืองได้ขยายแผ่มาครอบคลุมตำบลบ้านป้อม ความเป็นอยู่ของคนเริ่มต่างคนต่างอยู่ การทำงานร่วมของคนเริ่มน้อยลง มีความแยกส่วน ความเอื้ออาทรลดน้อยลง ฯลฯ
สภาองค์กรชุมชนตำบลบ้านป้อมเริ่มจาก มีแกนนำได้ร่วมประชุมเรื่องการจัดตั้งสภาองค์กรชุมชนตำบล กลับมาศึกษาพรบ.สภาฯ ทำให้เข้าใจมากขึ้น ประกอบกับในชุมชนมีปัญหาต่าง ๆ เช่น ขโมยขึ้นบ้าน ยาเสพติด ปัญหาระหว่างชุมชนกับวัด ฯลฯ จึงรวบรวมผู้นำที่มีใจเดียวกัน รวมกลุ่มองค์กรต่างๆ จดแจ้งจัดตั้งเมื่อวันที่ 24 กรกฏาคม 2554 เป็นลำดับที่ 50 ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยได้รับความอนุเคราะห์จากเจ้าอาวาสวัดท่าการ้องให้ใช้สถานที่เป็นที่ประชุม มีแกนนำหลักๆ พร้อมด้วยเจ้าอาวาสเข้าร่วมหารือแก้ไขปัญหาต่างๆ มีรูปธรรม ดังนี้
1. การแก้ไขปัญหาขยะ พื้นที่ตำบลบ้านป้อมเป็นที่ทิ้งขยะของเทศบาล โดยไม่มีการกำจัดอย่างถูกสุขลักษณะ “จนมีขยะกองเท่าภูเขา” ส่งผลกระทบกับผู้ที่อยู่อาศัยและสิ่งแวดล้อมในบริเวณใกล้เคียงมานานหลายปี นำมาสู่การลงพื้นที่บ้านที่มีปัญหาแมลงวันชุกชุม พบว่า ต้องกางมุ้ง ทานข้าวกัน และส่งกลิ่นเหม็นเพราะบริเวณข้างเคียงขยะมีน้ำเน่าเสีย ชาวบ้านต้องสวมผ้าปิดปาก ปิดจมูก ขยะยังส่งผลให้พืชที่ปลูกตาย ที่ผ่านมาได้มีการไปร้องเรียนกับองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านป้อม มีการฟ้องร้องที่เทศบาลนครพระนครศรีอยุธยามาหลายครั้งแล้ว แต่เรื่องเงียบมาตลอด มีการแก้ปัญหาให้ชั่วคราวและที่ไม่ถูกจุด เช่น นำผ้าปิดปากมาบริการ ใช้สารเคมีกำจัดแมลงวัน ทำลูกบอม (อินทรีย์) ฯลฯ
จึงรวบรวมข้อมูลให้ ดี เอส ไอ จนกระทั่ง ดี เอส ไอ ส่งคนมาตรวจสอบข้อเท็จจริง นำมาสู่ฟ้องเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา ได้รับงบประมาณมาราว 500 ล้านบาทในการจัดการขยะ แบบอย่างการศึกษาด้านแก้ปัญหาขยะมาถึงทุกวันนี้


ภาพประกอบ : สภาพกองขยะในพื้นที่ตำบลบ้านป้อม
- แก้ไขปัญหาเรื่องตลิ่งพัง ตำบลบ้านป้อมมี 11 หมู่ ตั้งแต่หมู่ที่ 1 ถึง หมู่ที่ 10 อยู่ติดแม่น้ำเจ้าพระยา ปัญหาตลิ่งพังมีมานาน ชาวบ้านร่วมกันการวิเคราะห์แก้ไขปัญหา มีการนำเสนอโครงการวิจัยต่อ สำนักงานสนับสนุนการวิจัยแห่งชาติ (สกว.) จนได้รับทุนในการศึกษา พบสาเหตุ เช่น ผลจากการขุดทราย การล่องเรือนำทรายไปขายในกรุงเทพฯ เรือเหล็กขนส่งสินค้า และเรือท่องเที่ยวที่แล่นไปมาอยู่ในแม่น้ำ การสร้างสะพานข้ามแม่น้ำ ทำให้ทิศทางน้ำเปลี่ยน เป็นต้น ได้นำผลการศึกษาวิจัยหารือร่วมกับหน่วยงานภาคีที่เกี่ยวข้อง เช่น กรณีการสร้างสะพานเจ้าพระยาที่มีตอหม้อขนาดใหญ่ ทำให้ทิศทางน้ำเปลี่ยน นำไปสู่การกัดเซาะตลิ่งพัง กรมทางหลวงกรมโยธาธิการจังหวัด ได้ชดเชยด้วยการสร้างเขื่อนกันตลิ่งพัง สุดท้ายกรมเจ้าท่าได้ทำการสร้างเขื่อนป้องกันบ้านพังสาเหตุมาจากเรือขนส่งทางน้ำ
- แก้ไขปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย ตำบลบ้านบ้อมติดต่อกับเมืองอยู่ทางด้านทิศตะวันตกของอำเภอพระนครศรีอยุธยา ทั้งเมืองมีประชากร 7,000 กว่าคน มีบ้านเรือน 2,000 กว่าครอบครัว หลังจากการเก็บข้อมูลปัญหาที่ดินและที่อยู่อาศัย พบว่ามี 42 ครอบครัวเป็นผู้ด้อยโอกาส ได้จัดทำโครงการบ้านพอเพียงขอรับงบประมาณจาก พอช. ในปี 2560 ได้รับงบประมาณ จำนวน 29 หลัง บ้านผู้พิการ 5 หลัง โดยจะมีคณะกรรมการแต่ละหมู่ติดตามผลการซ่อมแซมบ้าน ช่างในหมู่บ้านและช่างส่วนกลางร่วมกันสำรวจบ้านที่ต้องปรับปรุง ส่วนที่ต้องซ่อมแซม วัสดุที่จำเป็นต้องใช้ รวบรวมข้อมูลแต่ละรายใช้วัสดุอะไร ราคาเท่าไร โดยไม่คิดค่าแรง มีความชัดเจนนำไปสู่การแก้ปัญหาบ้านตนเอง ทำให้เกิดการร่วมคิดร่วมทำ การช่วยเหลือกัน เกิดการรวมตัวแก้ไขปัญหา ทำให้สามารถปรับปรุงที่อยู่อาศัยให้ดีขึ้น สิ่งที่ตามมาคือ คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น นำมาสู่การพัฒนาปรับปรุงทั้งตัวบ้าน และสิ่งแวดล้อมรอบๆ บริเวณบ้าน


ภาพประกอบ : บ้านทรุดโทรมจากการสำรวจข้อมูล
- กองทุนสวัสดิการชุมชน เพื่อช่วยเหลือด้านสวัสดิการให้กับคนในตำบล มีการจัดสวัสดิการดูแลช่วยเหลือสมาชิก 3 ด้าน ได้แก่ เกิด เจ็บป่วย และเสียชีวิต เริ่มแรกมีสมาชิก 150 คน หลังจากดำเนินการมา 1 ปี พบว่า สมาชิกมีแต่ผู้สูงอายุ มีผู้เสียชีวิตหลายราย ซึ่งแนวโน้มยังจะมีผู้เสียชีวิตอีก จึงได้ร่วมกับเจ้าอาวาสวัดท่าการ้องจัดทำผ้าป่า ได้เงินเข้าสมทบกองทุน 57,000 บาท เมื่อกองทุนดำเนินการครบ 1 ปี จึงได้รับสมทบจากรัฐบาลผ่านสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) หรือ พอช. จำนวน 91,250 บาท ได้เรียนรู้วิธีการสร้างรายได้ให้กับกองทุน การบริหารจัดการ วิธีการสร้างแรงจูงใจให้สมาชิกมาสมัครเพิ่มมากขึ้น เพิ่มระเบียบหากสมาชิกอยู่ครบ 5 ปี และเสียชีวิตจะได้รับเงินสวัสดิการ 15,000 บาท และ เมื่อครบ 10 ปี จะได้รับ 30,000 บาท เมื่ออยู่ครบ 20 ปีจะมีเงินบำนาญให้เดือนละ 2,000 บาท ทำให้ประชาชนสนใจและมาสมัครเป็นสมาชิกกองทุนเพิ่มขึ้น
ปัจจุบันกองทุนสวัสดิการตำบลบ้านป้อมมีสมาชิก 1,305 คน เป็นเงินฝาก 2,243,643.25 บาท เป็นเงินหมุนเวียน 3,403,823 บาท ได้รับการสมทบจากรัฐบาลแล้ว 4 ครั้งเป็นเงิน 837,310 บาท นำมาซึ่งความภาคภูมิใจของชาวบ้านป้อมทุกคน เนื่องจากเป็นกองทุนของที่คณะทำงานเป็นภาคประชาชนล้วนๆ มีการเรียนรู้และพึ่งตนเอง หาความรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอ สร้างความรักสามัคคีและความเอื้ออาทรทั้งที่พื้นที่เริ่มเป็นสังคมเมือง บริหารจัดการภายใต้กติกา ระเบียบ ที่กองทุนกำหนดเอง ประเมินวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาสร้างกองทุนให้เติบโตได้
- สร้างชุมชนเข้มแข็ง โดยการปลูกจิตสำนึกให้มีการบริหารจัดการแบบธรรมาภิบาล มีการรับรู้และแสดงความคิดเห็นอย่างโปร่งใส การทำแผนงานร่วมมือกัน สัดส่วนของหญิงและชายในบริหารจัดการองค์กรชุมชนเป็นธรรม ทำให้ชุมชนสามารถเชื่อมโยงและพึ่งพาตนเองได้มากที่สุด โดยตั้งองค์กรการเงิน มีกลุ่มการผลิต การแปรรูป การตลาด สร้างความร่วมมือกับองค์กรชุมชนในการแก้ปัญหาระหว่างตำบล จังหวัดและระหว่างภาค มีแผนระยะสั้นและระยะยาว โดยร่วมกันดำเนินงานพัฒนาเป็นไปตามหมู่บ้านต้องการ
การแก้ปัญหาของชุมชนและการพัฒนาคุณภาพชีวิต โดยทำงานในตำบลบ้านป้อม อาทิ
– ปลูกพืชและรักษาคุณภาพดิน ปลูกพืชกินได้ทุกหลังคาเรือน (แจกพันธุ์พืชและทำประวัติดินดี มีคุณภาพ ไม่ปนเปื้อนสารเคมี)
– การใช้แหล่งน้ำให้เกิดประโยชน์ โดยการปลูกพืชน้ำ (โดยมีศูนย์การเรียนรู้) เช่น การเลี้ยงปลาในกระชัง
– การรักษาอัตลักษณ์ วัฒนธรรม ประเพณี โดยการแต่งชุดไทย การทำงานและพิธีการ เทศกาลงานบุญ
– วัดแต่ละวัดในตำบลมีเอกลักษณ์ ทำกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง ได้รับการเผยแพร่นำไปสู่การปฏิบัติมากขึ้น เช่น วัดท่าการ้อง วัดธรรมาราม วัดกษัตราธิราชและวัดไชยวัฒนาราม
– สุขภาพดีทั่วหน้ามีความมั่นคงด้านอาหาร มีอาหาร น้ำบริโภคอย่างเพียงพอ ส่งเสริมการใช้น้ำฝนบริโภคมากกว่าการซื้อน้ำจากตลาด
- การประสานสร้างความสัมพันธ์กับหน่วยงานและการเปลี่ยนแปลงนโยบายหลักคิด หลักธรรม โดย เชิญร่วมกันทำกิจกรรมในตำบล จัดทำแผนที่เกิดจากภาคประชาชน ชี้แจงและให้เห็นความสำคัญดีกว่าให้หน่วยงานคิดเอง ทำเอง โดยเฉพาะงาน อบต. ประชาชน ต้องมีส่วนรับรู้อย่างแท้จริง งบประมาณจะนำมาสู่การพัฒนาศักยภาพ สร้างความเข้มแข็งให้มากขึ้น
โดยมีแผนสำคัญคือ จะใช้กองทุนในการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น บนพื้นฐานงความพอเพียง มีเป้าหมายการดำเนินงาน 1) สร้างผู้นำชุมชนให้มีทักษะและความรู้ ความสามารถ มีคุณธรรม จริยธรรมในการทำงานพัฒนา 2) เพิ่มจำนวนผู้นำรุ่นใหม่และบริหารองค์กรชุมชนอย่างมีธรรมาภิบาล 3) คนในชุมชนมีการดำเนินการกิจกรรมสาธารณะและการสร้างชุมชนเข้มแข็ง 4) คนมีความรับผิดชอบ มีจิตสำนึกสาธารณะ ความเป็นพลเมือง มีคุณธรรมจริยธรรม
เรียบเรียงโดย นายท้วง ชัยสุวรรณรัตน์
สภาองค์กรชุมชนตำบลบ้านป้อม







